5 เรื่องต้องรู้ หลังเนย์มาร์ 1 ยิง 1 จ่าย ช่วยบราซิล ลิ่วรอบก่อนรองฯ
หลังจากเกมที่ ซามารา นั่นทำให้แฟนบอลแซมบ้ามีหวาดเสียวอยู่บ้าง หลัง ทีมชาติเม็กซิโก เป็นฝ่ายโหมบุกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
แต่แล้วท้ายที่สุด บราซิล ก็ยังรักษาฟอร์มแชมป์ 5 สมัยไว้ได้ เอาชนะไปได้ 2 – 0 จากประตูของ เนย์มาร์ และ ฟีร์มิโน ส่งตัวแทนจากคอนคาแคฟทีมสุดท้ายกลับบ้าน
http://goofygal1975.com/tag/ตารางบอลโลก2018/
เราไปดูกันว่าในเกมนี้มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นกันบ้าง
ข้อที่ 5. ทีมชาติเม็กซิโก ยังล้างอาถรรพ์ไม่สำเร็จ
นับตั้งแต่ตอนตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1994 เป็นต้นมา ทีมชาติเม็กซิโก ยังไม่เคยผ่านรอบนี้ไปได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ทุกครั้งหลังจากนั้น ( รวมถึงครั้งนี้ ) และผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้ทุกครั้งก็ตาม
โดยอาถรรพ์ เริ่มจากการ
- ดวลโทษแพ้ให้กับ ทีมชาติบัลแกเรีย 1 – 3 ในฟุตบอลโลกปี ’94 หลังจากเสมอกันในช่วงต่อเวลา 1-1
- แพ้ให้กับ ทีมชาติเยอรมนี 1-2 ที่ฝรั่งเศส ’98
- แพ้ให้กับ ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ในปี 2002
- แพ้ อาร์เจนตินา 2 ครั้ง ในปี 2006 กับ 2010
- แพ้ เนเธอร์แลนด์ 1-2 ที่บราซิล
- แพ้ให้กับ บราซิล 0-2 ในปีนี้
4. ความแตกต่างของ ทีมชาติบราซิล และ ทีมชาติอาร์เจนตินา
ถึงแม้ว่า เนย์มาร์ จะเป็นนักเตะระดับสุดยอดของ ทีมชาติบราซิล และชื่อชั้นนักเตะคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกับ ทีมชาติอาร์เจนตินา เท่าไหร่ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างทั้ง 2 ทีมก็คือการที่ บราซิล ไม่พึ่ง เนย์มาร์ มากเกินไปจนน่าเกลียด ซึ่งขณะที่ อาร์เจนตินา ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่านักเตะคนอื่นในทีมก็ระดับท็อปทั้งนั้น
เกมในรอบแบ่งกลุ่มของ ทีมชาติอาร์เจนตินา ก็ทำให้เห็นชัดเลยว่าพวกเขาใช้ทรัพยากรได้ไม่คุ้มเลย ไม่ว่าใครก็ตามล้วนต้องส่งบอลให้ เมสซี ไม่ว่าจะเป็นนักเตะรับดับ อเกวโร , ดิ มาเรีย หรือ อิกวาอิน
ในขณะที่ บราซิล พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องมองหา เนย์มาร์ ตลอดเวลา ซึ่งพวกเขามีคนคอยปั้นเกมให้อย่าง เปาลินโญ ถ้าหากเข้าเขตโทษไม่ได้ก็ยังมี วิลเลียน ที่คอยทะลวง หรือ คูตินโญ คอยยิงไกล อย่างในเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ เนย์มาร์ โดนจับตายขนาดไหน พวกเขาก็ยังยิงประตู และ มีแต้มกลับมาได้ตลอด
ทีมชาติอาร์เจนตินา มีศักยภาพพอที่จะเป็นอย่าง ทีมชาติบราซิล ในตอนนี้ได้สบายๆ หากพวกเขารู้จักกระจายหน้าที่ให้คนอื่นๆ บ้าง แต่พูดไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วล่ะ
3. ทีมชาติเม็กซิโก อันตราย แต่ว่ายังไม่คมพอ
บอลโลก2018 เกมนี้ของ เม็กซิโก ดูๆ ไปก็เหมือนกับเกมที่พวกเขาเจอ ทีมชาติเยอรมนี ตั้งรับดีๆ รอจังหวะสวนกลับ ฝากความหวังไว้ที่ปีก 2 ข้างอย่าง โลซาโน และ เวลา
ซึ่งก็ทำได้ดีทีเดียวอยู่ในช่วง 25 นาทีแรก แต่ว่าปัญหาเดิมๆ ของพวกเขาก็ยังคงตามมาหลอกหลอน นั่นก็คือความไม่เฉียบขาดของเหล่าตัวรุก
จังหวะที่ โลซาโน และ เวลา มีโอกาสได้จบสกอร์คนละ 2 – 3 ครั้ง แต่ว่า ทั้งหมดติดบล็อคไม่ก็ไม่ตรงกรอบ ในขณะที่ อลิสซอน มีโอกาสให้เซฟจังๆ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักเพราะบอลก็ตรงตัวเขา
ดูๆ ไปก็อาการเดียวกันกับเกมที่แพ้ สวีเดน 0 : 3 นั่นแหละ โอกาสเยอะ แต่ว่าทำประตูไม่ได้เลย
2. คาเซมิโร โดนแบน
จังหวะที่คาเซมิโร ยืนเป็นผู้คุม เกมกลางสนามให้กับทั้ง ทีมเรอัล มาดริด และ ทีมบราซิล แบบที่ไม่เคยมีใครแทนมาก่อน แต่ในเกมกับ ทีมเม็กซิโก เขาเสียใบเหลืองเพิ่มอีก 1 ใบทั้งๆ ที่มีติดตัวอยู่ก่อนแล้วจากเกมแบ่งกลุ่ม นั่นส่งผลให้ ทีมชาติบราซิล จะไม่มี คาเซมิโร ในเกมบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
และไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร แฟร์นันดินโญ นั้นยังไม่สามารถเชื่อมเกมกับ 5 ตัวรุกได้อย่าง คาเซมิโร ซึ่งในตำแหน่งนี้จะมีผลต่อการเข้ารอบเซมิไฟนอลของ บราซิล อย่างแน่นอน
1. ฟีร์มิโน ยิงประตูได้แล้ว แต่ เชซุส ยังยิงไม่ได้เลย
หลังจากที่ศูนย์หน้าวัย 19 ปี นั้นได้โอกาสลงตัวจริงมา 4 เกมแล้ว แต่ว่าจนถึงตอนนี้เขายังทำประตูไม่ได้ และยังทำโอกาสอันตรายๆ ไม่ได้เลยด้วย
แต่ในขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ถูกส่งลงสนามมาไม่ถึง 2 นาทีดี เขายังสามารถทำประตูในรายการนี้ได้สำเร็จแล้ว นั่นต้องชมกองหน้าฟันขาวด้วยที่หาจังหวะวิ่งเข้าทำได้ดีมาก ฟีร์มิโน เลือกที่จะวิ่งตัดอ้อมหลังแนวรับ เม็กซิโก ที่อออยู่ในเขตโทษ
ก่อนจะได้โอกาสแปบอลระยะเผาขนแบบไม่มีใครประกบ ขนาดที่ว่านักเตะ เม้กซิโก ยังคิดว่าเขาล้ำหน้าด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ออกสตาร์ทมาทีหลังด้วยซ้ำ
เรื่องความชาญฉลาดในการยืนตำแหน่งของ ฟีร์มิโน คือสิ่งที่ทำให้ ทีมลิเวอร์พูล มีเกมรุกที่อันตรายสุดๆ ในฤดูกาลที่ผ่านมา
ในขณะที่ เชซุส ยังถูกข้อครหาอยู่บ่อยครั้งในฟุตบอลโลก2018 ครั้งนี้ว่ายืนตำแหน่งไม่ได้เรื่อง ไม่ช่วย ให้ทีมได้เปรียบ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับ ติเต้ แล้วว่าเขาจะยังใช้ เชซุส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงไปถึงเมื่อไหร่กัน
อ่านข่าวบอลโลก2018 บอลโลก ฟุตบอลโลก ผลบอลสด เพิ่มเติมได้เลยที่ https://www.sanook.com/sport/worldcup/
